Saturday, April 26, 2008

นี่ตูผิดป่าวเนี่ย

เมื่อวานนี้ ไอ้ที่ไม่สบายมาเกือบอาทิตย์แล้วทำท่าจะหาย กลับยิ่งเป็นหนัก ทั้งจามทั้งไอ มีน้ำมูก
แล้วก็เป็นวันแรกที่มามหาลัยในสัปดาห์ นึกว่าซวยแล้วที่กลับมาไม่สบายมากอีก แต่มีที่ซวยกว่า...

คนไทยคนนึงที่รู้จักกันไม่นาน (ประมาณเดือนนึง เจอกันประมาณสี่ห้าครั้งที่โรงเรียนสอนภาษา) โทรศัพท์มาบอกว่าไม่มีที่ไป โดนสามีตี ก็เลยออกจากบ้านมา...

ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องราวมาก่อน แต่เพราะรู้เรื่องมาก่อน ว่าเกิดเหตุแบบนี้หลายครั้งแล้ว แล้วเค้าก็ไม่ยอมไปหาตำรวจ จะด้วยเหตุผลอะไร ไอ้เราก็ไม่ได้ใส่ใจนักในตอนนั้น ที่รู้อีกก็คือ เค้าเคยหนีออกจากบ้านไปค้างที่บ้านคนไทยอีกคนหนึ่ง พี่คนนั้นแกก็ช่วยเหลือดีอยู่ ด้วยเหตุที่แกก็อายุเยอะพอสมควร พอมาครั้งนี้เราก็งงเด่ะ ทำไมมาหาตูวะ ทำไมไม่ไปหาพี่คนนั้น สาวเจ้าตัวต้นเหตุให้เหตุผลทางโทรศัพท์ว่าพี่เค้าปิดมือถือหนีมัน ไม่ยอมช่วยมัน... (งงเป็นไก่ตาแตก) แล้วสาวเจ้าก็คร่ำครวญว่าไม่มีที่ไป...
ไม่รู้จะทำยังไงว้อย ก็ต้องให้มาหาที่มหาลัยก่อน มาพูดจากันก่อน...

พอมาถึง ข้าพเจ้าแนะนำตามนี้
หนึ่ง โทรไปหาพี่ที่สถานฑูตไทยในบรัสเซลก่อน ซีมีเบอร์ 
สอง ไปหาหมอเอาผลการตรวจร่างกายก่อน เพราะถูกตีเป็นจ้ำเบ้อเร้อที่แขนสองจุด เผื่อต้องใช้เป็นหลักฐาน
สาม ไปแจ้งตำรวจ บันทึกเป็นหลักฐาน 
ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน...

ไอ้ที่ข้าพเจ้างงเป็นไก่ตาแตกอีกรอบก็คือ แกไม่อยากหาหมอ ไม่อยากโทรหาสถานฑูต ไม่อยากหาตำรวจ เหตุผลคือ เด๋วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!!!

นี่เรื่องมันยังไม่ใหญ่อีกเหรอวะ...ถึงขนาดหอบข้าวของออกมาหาคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน... แต่ก็โอเคอ่ะนะ นี่มันต่างบ้านต่างเมือง ก็พอเข้าใจ (แต่ทำไมตูฟ่ะ เค้ามีเพื่อนคนไทยอีกเป็นขโยงที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เรียกได้ว่า เวียนกันไปกินข้าวตามบ้านคนโน้นทีคนนี้ทีทุกสัปดาห์ ปล. ตูไม่เคยไปกะเค้าเพราะไม่ชอบสังสรรค์ประเภทแม่บ้านนั่งเม้าอยู่แล้ว)

ข้าพเจ้าไม่ยอม ยังไงก็ต้องไปหาหมอก่อน ไม่รู้ล่ะ... ทีนี้แกเลยบอกว่ามีคลีนิคสำหรับคนมีปัญหากับสามี ไม่ต้องเสียตังค์ โอเค ที่ไหนล่ะ... สาวบอกไม่รู้... เอ้า... รู้แค่อยู่ใกล้ๆที่อยู๋ในนามบัตรนี้... เอ้า... แล้วทำไมไม่ไปล่ะ... ไม่อยากไป... เด๋วเรื่องใหญ่...

ถามไปถามมา ปรากฎว่าสาวเจ้าไปติดต่อกับองค์กรอิสระที่ช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ถูกทำร้ายในลักเซมเบิร์ก เค้าจะช่วยโดยสาวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งค่าทนาย และค่าที่พัก แต่สาวต้องรอถึงวันจันทร์ เพราะคนเดินเรื่องไม่ทำงานวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

แล้วไอ้คลีนิคที่ว่าก็อยู๋ใกล้กับสำนักงานขององค์กรดังกล่าว ข้าพเจ้าต้องโทรศัพท์ไปถาม ว่าเจ้าคลินิคอยู่ตรงไหนกันแน่ เหตุที่ข้าพเจ้าต้องพูดเพราะสาวเจ้าพูดไม่ได้รู้เรื่องเล้ย...
พอได้คุยกับเจ้าหน้าที่ขององค์กรถึงได้รู้ว่า ขั้นตอนก็คือ
หนึ่ง ไปหาหมอให้ออก หลักฐานการทำร้ายร่างกาย
สอง เอาหลักฐานไปแจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจเห็นบาดแผลแล้วว่ารุนแรง สมควรแก่การดำเนินการทันที ตำรวจจะพอสาวไปที่บ้านของสามี ไล่สามีออกจากบ้านและห้ามตามกฎหมายไม่ให้เข้าใกล้สาวเป็นเวลาสิบวันก่อน จากนั้นจะดำเนินคดีต่อไป

ซึ่งสาวไม่อยากให้เกิดเหตุอย่างนั้นเพราะ... แต่น แต่น แต๊น...

กลัวถูกส่งตัวกลับเมืองไทยโดยไม่ได้เงินจากผู้บ่าวแต่อย่างใด

สิ่งที่สาวอยากได้คือ
หนึ่ง ฟ้องหย่า เรียกค่าเสียหาย ได้เงินก้อนไว้ตั้งตัว
สอง ได้สิทธิอยู่ที่นี่ต่อ ทำงานหาเงินต่อไป

แล้วไอ้ที่ถูกทำร้ายร่างกายก็เมื่อสองวันที่แล้ว ถึงมันจะยั่งปูดม่วงอยู่ก็เหอะ

โฮ้ย จะเป็นลม ไอ้เราก็เริ่มทะแม่งๆๆ แต่ก็ยังคิดไรไม่ออก เหมือนโดนตั้นหน้า กว่าจะตัดสินใจโทรหาพี่คนไทยที่เห็นช่วยเหลือสาวอยู่ ก็ฝากเพื่อนเอาตัวสาวกลับหอข้าพเจ้าไปก่อนแล้ว

ฟังความจากพี่ดา... พี่เค้าโมโหมากเลย เค้าโมโห เพราะเค้าแนะนำว่าให้ไปหาหมอ ให้แจ้งความเอาไว้ทันที แต่สาวไม่เคยทำ สาวไม่มีเงิน แต่ไปนั่งดื่มในบาร์ อันนี้ข้าน้อยก็ฉุนเหมือนกัน เพราะสาวแกบอกว่าไม่อยากไปหาหมอ เพราะไม่มีตังค์ เราก็หวังดี วิ่งไปซื้อโน่นนี่กะเอาไว้ที่บ้านให้กินเวลาเราไม่อยู่ (โทรไปหาพี่เค้าตอนไปซื้อของ) ฟังแล้วก็เซ็งเหมือนกัน พี่เค้าก็บอกว่านี่เค้าโทรบอกเพื่อนทุกคนเองว่าไม่ต้องช่วย เค้าช่วยมาทุกทางแล้ว แต่ปัญหาคือสาวเจ้าไม่ยอมทำตัวดีๆ ไม่คิดให้ดีๆ คราวนี้เค้าโกรธแล้วเค้าก็ยังไม่ได้ขอแฟนเค้าให้สาวมาพักที่บ้านด้วย แต่ซีไม่ต้องห่วงเด๋วพี่เค้าจะให้สาวไปพักที่บ้านเค้าเอง

ไอ้เราก็สบายใจหน่อย เพราะหอที่เราอยู่ตามกฎมันก็ให้ใครมาอยู่ด้วยไม่ได้ แล้วเราก็ไม่อยากให้เค้านอนเตียงเดียวกับเราอ่ะนะ ว่ากันตามตรง เตียงมันสำหรับคนเดียวอ่ะ ก็กะให้เค้านอนโซฟาห้องนั่งเล่นแล้วเอาผ้าห่มกับหมอนไปให้ ซึ่งตูก็มีอยู่ชุดเดียวนั่นแหละ...

กาลกลับเป็นว่า สาวโทรมาบอกว่าพี่ดาโทรไปด่า แล้วก็จะไม่ยอมไปอยู่กับพี่ดา เด๋วจะเอาของไปเก็บที่สถานีรถไฟ แล้วหานอนที่อื่น... เอ้า ซะงั้น... เหตุคือไม่อยากฟังเค้าด่า... หยิ่งด้วยแน่ะ แล้วก็พร่ำบอกว่าไม่อยากรบกวนใคร เกรงใจ ซีเลยถามเลยว่า "แล้วตอนนี้อังไม่รบกวนใครได้มั้ย" ...เงียบ พูดแบบจะให้เราบอกว่าไม่รบกวนหรอก อย่างนั้นน่ะ ถึงตอนนี้หงุดหงิดเหมือนกันนะว้อย ซีก็ถามว่าแล้วหาหมอหรือยัง เค้าว่าไม่มีหมอต้องรอพรุ่นี้ อ้าว งั้นทำไมไม่กลับมา สาวบอกเด๋วจะรอคุยกับเพื่อนคนเยอรมันให้เค้าช่วยก่อน อ้าว แล้วจะกลับมากี่โมง สาวบอกอืมไม่รู้แต่ไม่อยากรบกวนใครเลย... วนมาที่เดิมอีกละแล้วซีก็บอกว่าพี่ดาเค้าเป็นห่วง อังไปพักกับพี่เค้าสบายกว่า เค้าดุ เค้าด่า เพราะเค้าห่วง เค้าก็ช่วยมาตั้งเยอะ 

สุดท้ายไม่มีไรดีขึ้น... ซีเลยบอกว่า "เด๋วซีต้องไปทำรายงานอาจจะกลับดึกหรือไม่กลับ อังก็ฝากกุญแจไว้กับเยี่ยน (เพื่อนคนจีน) แล้วกันนะ"

กุญแจประตูหอก็อยู่กับเค้า ของของเค้าก็อยู๋ในห้องเพื่อนซี เมื่อคืนเค้าก็ไม่กลับมาทั้งคืน เพื่อนก็โทรมาว่าไม่กล้านอน ไม่รู้เค้าจะกลับมาเมื่อไร ซีโทรไปก็ไม่รับ ทำไมถึงได้ทำตัวเป็นภาระอย่างนี้เนี่ย ไม่บอกไม่กล่าวไรเลย คนเค้าก็เป็นห่วงนะว้อย แล้วนี่คนเค้าผิดกันหมดเลยใช่ไม๊เนี่ย นี่ตูผิดใช่ไม๊เนี่ย...
 

2 comments:

Extremelz said...

-__- ไม่ผิดหรอก เราช่วยเท่าที่เค้าจะรับก็พอล่ะนะ
เค้าไม่รับ เราก็ต้องปล่อยวางบ้าง

Anonymous said...

อืม ถูกอย่างที่ extra พูด
พระท่านบอกว่า เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด...