Tuesday, October 16, 2007

บนถนนที่คนก้าวเดิน...

ต้องเคยผ่านร้อนและหนาว และพบเรื่องราวบางอย่างที่ฝังใจ
ทุกครั้งที่เธอหมดหวัง หมดสิ้นกำลังจะก้าวเดินไป
เธอจงมองดูภาพผู้คน ที่อยู่เดียวดายด้วยความอ้างว้าง
เพียงเธอมองไปนอกหน้าต่าง จะเจอความจริงมากมาย
คงจะทำให้พบคำตอบ ว่าบนทางเดิน ที่แสนยาวไกล
ทุกชีวิต ต้องเดินต่อไปเพื่อสู้ความจริง

และ...ใน...วันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน และลุกขึ้นอีกครั้ง
ด้วยพลังในหัวใจ
อย่าไปยอมแพ้ ให้กับปัญหาใดๆ
จงพร้อมจะอดทน ก้าวไปสู่หนทางของวันใหม่ด้วยตัวเอง

ให้เธอได้รู้นี่แหละใจของคน ที่แท้นั่นยิ่งใหญ่
ตราบใดความฝันยังไม่จางหายไป
เมื่อนั้น ใจจะไม่แพ้
...

แต่ถ้าเกิดเราไม่มีความหวังหลงเหลืออยู่...
นี่เราไม่มีแก่ใจจะทำต่อเลยเรอะเนี่ย...

Thursday, October 11, 2007

article in french!

I'm dizzy with french's articles for a long time. Now it's time to clarify them!!! (Maybe I'm too confident ha ha ha)

Ok, let's start with 'the'

the = le, la, les
*le is for masculin
*la is for feminin
*les is for pluriel

Ex. la famille de apivadee.
Ex. Qu'est-ce que c'est? -- c'est le taxi de hotel

a/an = un/une
*un/une are non-specific articles

Ex. Qu'est-ce que c'est? -- un chien --une femme

some = du, de, des
*de -- de la salade
*du = de + le --du (de le) chocolat
*des = de + les -- des (de les) legumes

Wednesday, October 10, 2007

Reprimand (Verb)

เรียกได้ว่าเพิ่งเคยเห็นศัพท์คำนี้เป็นครั้งแรก
อยู่ๆอาจารย์ก็ถามว่า มันสะกดยังไง ถึงกับอึ้งกิมกี่
ถามอาจารย์กลับไปว่า นั่นภาษาอังกฤษหรือเปล่าคะ...

reprimand /"rep.rI.mA:nd/ /-r@.m{nd/ verb [T] FORMAL
to express to someone your strong official disapproval of them:
She was reprimanded by her teacher for biting another girl.

เรื่องของเรื่องอาจารย์ว่ามันเป็นศัพท์ที่เป็นทางการ มีให้พบเจอได้บ่อยๆ
เฮ้อ ตูนี่ ภาษาอังกฤษอ่อนเหล่าจริงๆ... กลุ้ม

Friday, October 5, 2007

วันที่ ๕ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

อ๊า...ฤกษ์งามยามดี เขียนเมล์หาเพื่อนๆซะหน่อยดีกว่า

เนื่องจากทางนี้เพิ่งเปิดเทอมมาได้สามอาทิตย์
ชีวิตอันแสนวุ่นวายของข้าพเจ้าที่ไม่มีการปิดเทอมอยู่แล้ว ก็เลยวุ่นวายหนักขึ้นไปอีก
เพราะว่าเกิดความอยากที่จะไฝ่หาความรู้เพิ่มเติม ก็เลยไปนั่ง sit in สองวิชาสำหรับเด็กป.โท
นอกจากนั้นก็ยังเรียนภาษาฝรั่งเศสตอนเช้าทุกวันอีกด้วย...

ไม่น่าฟิตเลยตู...

วันนี้ทั้งวันเลยนอนซมอยู่บ้านเพราะเป็นหวัดอย่างแรง แบบที่ตั้งแต่มานี่ก็เพิ่งครั้งนี้แหละที่ดูแย่สุด
(ตั้งแต่มานี่เคยเป็นหวัดแค่สองครั้งรวมครั้งนี้ด้วย นอกนั้นก็แค่ปวดหัว เพลียไปตามเรื่องตามราว)
ไม่ใช่แค่ไปนั่งเรียนสองวิชา กับภาษาฝรั่งเศสหรอกที่ทำให้เป็นแบบนี้ แต่มันเป็นเพราะอากาศด้วย
ตอนนี้ยุโรปกำลังเข้าฤดูใบไม้ร่วงหรือที่เรียกว่า autumn ให้ตายเด่ะ กว่าจะจำได้ว่าอันไหนมัน spring อันไหนมัน autumn
(เผอิญไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร ก็อยู่เมืองไทย อยู่แต่กรุงเทพฯ มันมีที่ไหนล่ะ)
ทีนี้ไอ้คำว่า ออทัม เนี่ย (ไม่เกี่ยวไรกะไอ้ออก้านะ) มันก็ฟังดูดีใช่ม่ะ พวกเราก็คงจะนึกถึง ใบไม้เปลี่ยนสี
เป็นส้ม แดง เหลือง ฮู้ สวยออกกกกไอ้ซี.....

แต่สิ่งที่มันตามมากับความเป็นออทัม ก็คือความจริงที่ว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ฤดูหนาว
ฝนเอยฝนตก คางคกได้ใจ (เออจริงด้วย!!! ยังไม่เคยเห็นคางคกที่นี่เลยว่ะ) ฝนตกหนักๆก็ยังรู้ตัวว่าต้องใส่แจ็คเก็ตกันฝน
หรือถือร่ม ก็ว่าไปตามความแรง
แต่ที่ซีคิดว่าเป็นสาเหตุของการเกิดหวัดครั้งนี้ก็คือ หมอก
หมอกไอน้ำหนาสามารถพบเห็นได้ทุกเวลา ยกเว้นกลางคืน ที่บางทีเราก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นหมอกหรืออะไร ถ้าเราไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วแบบรถ ตัวดิฉันไม่มีไฟตัดหมอก ไฟสูงนะฮ้า จะได้รู้ว่าตอนนี้หมอกลง
แล้วช่วงนี้ก็ดันทำงานดึกๆดื่นๆ กลับบ้านตอนสามทุ่มบ่อยๆ เดินออกมา หามีผู้คนไม่ ก็เดินดุ่มๆๆๆไป
ลัดเลาะไปตามสวนและหมู่บ้าน กับบันไดสองร้อยเก้าขั้นอันคุ้นเคย ลงไปถึงข้างล่างได้โดยไม่เหยียบน้องทากได้ ข้าพเจ้าก็แสนจะภูมิใจ
(แต่ทำให้เดินช้าไปอีกสองจุดสามเท่าเลยทีเดียว... เนื่องจากน้องทากชอบอากาศชื้น ถึงเปียก ก็เลยออกมาเดินกันให้ยั่วเยี้ยในช่วงนี้
ไม่อยากเหยียบมันเล้ยพับผ่า เลยต้องถือไฟฉายติดตัว เอาไว้ส่องทาง ถ้ามีคนสวนมา มันก็คงจะงงๆๆ ไฟทางก็มี...
มี...แต่มันไม่พอโว้ย น้องทากสีน้ำตาล ช่างกลมกลืนกับใบไม้ที่ร่วงหล่นจริงๆ)
เอาล่ะฝ่าด่านน้องทากมาได้ ก็ต้องเดินต่ออีกประมาณสิบถึงสิบห้านาทีเพื่อให้ถึงหอ

โง่จริง...ซี ทำไมไม่ขึ้นรถล่ะย่ะ
ฮ่า ดิฮั้นก็อยากจะขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่า ต้องรอรถหน้ามหาลัยที่จะมาทุกชั่วโมง (เพราะมันดึกแล้ว)
แล้วก็ต้องเข้าเมืองไปเพื่อที่จะต่อรถกลับไปที่หอ (คอยไปอีกสี่สิบห้านาที)
เดินกลับใช้เวลาอย่างมากยี่สิบ ถึงยี่สิบห้านาที ถ้าโอ้เอ้หนักๆ ในขณะที่การนั่งรถ จะใช้เวลาเร็วที่สุด ห้าสิบนาที...


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใส่หมวกไหมพรมดูเท่ (แปลกๆ) แต่ทำให้ไม่เป็นหวัด

อ้อ ตอนนี้อาจารย์กิตมา supervise ข้าพเจ้าถึงที่นี่ แกอยู่ที่นี่เดือนครึ่ง แต่อาทิตย์หน้าแกก็จะกลับไปแล้ว
เฮ้อ... จะมีใครมาหาอีกบ้างไหมเนี่ย
(อย่ามาเลย แพง.......หูฉี่)

ปล. คาดว่าปีหน้าอาจจะได้กลับไปหลายรอบทีเดียว อิอิ แต่ซีต้องทำงานหนักกว่านี้ (เฮ้อ!!!)
ปลสอง. อยู่เมืองไทยร้อนกายแต่สบายที่ซู้ดดดดดด