Monday, May 5, 2008

จักรยานล้มจ้า

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (วันแรงงาน) เกิดอาการบ้างาน อยากได้จอใหญ่ๆ จะได้เขียนโปรแกรม ชาวบ้านชาวช่องเค้าหยุดยาว พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์กัน หนูซีก็ทะลึ่งขี่จักรยานไปทำงานที่มหาลัย

ตอนจะกลับฝนก็ตก เลยปล่อยให้ตกๆกันให้เสร็จ จะได้ไม่เปียก
พอฝนหยุดตก ก็ขี่จักรยานออกมาด้วยความร่าเริง
จาก J.F. Kennedy, Kirchberg กำลังจะลงไปที่ Weimershof ก็เกิดเรื่องจนได้

ที่นี่เค้าจะมีทางให้จักรยาน คนนั่งรถเข็นขึ้นเกือบทุกๆที่ที่มีม้าลาย เรียกได้ว่าทุกที่เลยดีกว่า ยกเว้นบางที่ ที่เค้าคิดแล้วว่ามันอันตราย เช่นมีหลายเลนพาดไปมา

เราก็นี่เล้ย ลงมาจากทางลาดโค้ง ใจก็หวิวๆนิดหน่อย (มันชัน และเปียก) ก็จับแฮนด์ดีๆ ลงมาได้ดีปลอดภัย ก็จะข้ามถนน แล้วขึ้นไปขี่บนทางเดิน

อีตอนขึ้นนี่ิดิ มันลื่น แล้วมันก็มีขอบระหว่างทางเดินกับถนนด้วย คือมันไม่เรียบเนียนอ่ะ มีขอบสูงเหมือนกัน ก็ลื่นหน้าคะมำน่ะสิ
ไอ้ตอนล้มนี่ไม่รู้ตัวเลยนะ รู้ตัวอีกที นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น แล้วก็เจ็บมือกะเข่าสุดๆ ร้องจ๊ากเลยขอบอก เจ็บมากๆๆ เจ็บแบบ เฮ้ย ไรจะเจ็บขนาดนี้วะ

ด้วยความแมน ก็ต้องรีบลุกขึ้นไว้ก่อน โอ้โฮย โคตรเจ็บ ร้องลั่นละแวกนั้นเลย แต่ไม่มีใครออกมาดู เพราะดันไปอยู่หน้าบ้านคนรวย หลังโคตรใหญ่ มันคงไม่ได้ยินเสียงคงผ่าโรงรถด้านหน้าไปไม่ถึง...เฮ้อ พอยืนหายใจหายคอสักพัก มันไม่หายเจ็บสักทีว้อย แผลไรวะ ลองเปิดกางเกงยีนส์ขึ้นมาดู ก็มีถลอกๆหน่อยเดียว แต่ทำไมปวดแบบนี้ฟร่ะ

เลยว่าพักแป๊ปนึงค่อยขี่ต่อกลับบ้าน (ยังมีกะใจจะขี่ต่ออีกแน่ะ) ว่าแล้วก็หันไปคว้าจักรยานขึ้นมา

เอ้า...โซ่หลุด ทำไงล่ะเนี่ย พยายามไส่อยู๋สักพัก แต่มันเจ็บมาก (เข่า) ไม่ไหว ต้องยืนตรงๆ นั่งไม่ได้ เราก็เฮ้ย นี่มันเจ็บนานเกินไปแล้ว เข่าเป็นไรป่าววะ คือมันเจ็บน้ำตาเล็ดเลยนะ

แต่ก็พยายามจะใส่โซ่ต่อ พอใส่ได้ ลองถีบ เอ้า ทำไมมันแปลกๆ ปรากฎว่าใส่ผิดวง
คือจักรยานข้าพเจ้ายี่สิบกว่าเกียร์ ตอนขี่ใส่วงสองอยู๋ แต่ดันเอาโซ่ไปใส่ที่วงสาม (แล้วมันจะขี่ได้ไหม)
เอาไม่เป็นไร ทนทรมานอีกหน่อย พยายามจะเปลี่ยนกลับไปวงสอง...แต่...แต่...แต่มันไม่ไหวแล้วโว้ย เข่ามันเจ็บมาก หน้าแข้งอีกข้างด้วย มือก็แสบ (เป็นแผลลึกเหมือนกัน หนังเปิดเป็นแผ่นเลย)

โทรหาเพื่อน ให้มันมารับไปโรงบาลหน่อยดีกว่า ยืนรอเพื่อนอยู่ประมาณยี่สิบห้านาที
ตลอดเวลานั้นไม่ปรากฎความเบาบางของการเจ็บปวดแม้แต่น้อย น้ำตาไหลพราก แล้วก็บอกว่าไม่ร้องๆๆๆ แล้วมันก็ไหลไหม

พอเพื่อนมากับโบ้ปี่ โบ้ปี่ก็ให้โทรถามว่าวันนี้โรงบาลไหนเปิดสำหรับอุบัติเหตุมั่ง

คือที่นี่วันหยุดราชการในเมืองแต่ละเมืองเค้าจะมีคลีนิค หรือโรงพยาบาลผลัดกันอยู่โยง ไม่ใช่ว่าวิ่งไปโรงบาลไหนก็ได้หรอกนะ (แล้วถ้าตูอยู่คนเดียวจะทำไรถูกไม๊ล่ะเนี่ย)

ก็หอบหิ้วกันไปโรงพยาบาล รวบรัดตัดความว่า หมอให้เอ็กซเรย์ แทบจะทุกจุดที่กระแทก
ยืนบนเครื่องมือเอ็กซเรย์ เครื่องมันก็เหมือนมือกล หมุนไปหมุนมารอบตัวเรา แล้วก็ถ่ายโน่นนี่ เสร็จมีการจับเราหงายเป็นนอน(อัติโนมัติ คือมีเสียงเจ้าหน้าที่บอกให้พิงหลังกับกำแพง แล้วมันก็หมุนลงไป) แล้วก็ฉายรังสีอีก... นึกว่าอยู่ในยานอวกาศของเอเลี่ยน ฮ่าๆๆๆ

สรุปว่าเข่าบวมมาก แต่ไม่หัก ไม่กระเทาะแต่อย่างใด พยาบาลทำแผลให้หยั่งกับเราเป็นมัมมี่ แถมโดนฉีดยากันบาดทะยักด้วย ทีนี้ก็ไม่ต้องฉีดไปอีกสิบปี

ที่ต้องทำใจเวลาหาหมอที่นี่คือ มันสั่งให้ถอดเสื้อผ้าทุกที ก็คือเหลือกกน. เสื้อใน หรือเสื้อทับแค่นั้น

ค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องเสีย เพราะมีประกันสังคม ไม่ได้จ่ายแม้แต่บาทเดียว

หมอออกใบสั่งยาให้ไปซื้อยาลดปวด สองแบบ ถ้าแบบแรกเอาไม่อยู๋ให้กินแบบสองครั้งล่ะ สามสิบหยด เอ้อ เพิ่งเคยเห็นยาแบบนี้

ไปซื้อยา เอาบัตรประกันสังคมให้เค้าดู เค้าก็จะคิดราคาที่เคลมแล้วให้เราทันที จากที่ต้องจ่ายสิบกว่ายูโร ก็เหลือประมาณเกือบสองยูโรเท่านั้น

เฮ้อ สวัสดิการดีน่าใจหายเมื่อเทียบกับสามสิบบาทรักษาทุกโรค หรือประกันสังคมบ้านเรา (แต่เค้าก็จ่ายภาษีแพงกว่า และมีรายได้เยอะกว่าเราสี่ห้าเท่าล่ะนะ)

เรื่องนี้เกิดเมื่อสี่ห้าวันที่แล้ว ตอนนี้ก็ค่อยยังชั่วล่ะนะ แผลที่มือหายไวราวปาฎิหารย์ เพราะหมอว่า ต้องให้แผลแห้งเข้าไว้ เราก็เลยไม่ได้อาบน้ำเลยตั้งแต่วันนั้น ฮ่าๆๆๆๆ ส่วนที่เข่า... เด๋วเอารูปมาให้ดูละกัน วันแรกมันบวมเป่ง วันที่สองเริ่มเห็นเลือดค้าง ตอนนี้ก็ม่วงล่ะนะ แต่ก็โอเค เดินได้ ไม่เป็นอะไรจ้า

ปล. ยังไม่ได้บอกพ่อแม่เลย กลัวท่านเป็นห่วง
ไว้ให้หายดีก่อนค่อยบอกดีกว่า

2 comments:

Extremelz said...

อืม... ถ้าเป็นที่บ้านเรา เจ็บปวดถึงเข้าโรง'บาล แล้วมาบอกทีหลังนี่ เราจะโดนตบหัวแล้วด่าซ้ำ -__-

หายไวๆ ละกันเน้อ ฟาดเคราะห์ไป จากนี้ทั้งปีคงไม่มีอะไรร้ายๆ แล้วล่ะ ^^

Anonymous said...

ฮุฮุ สม