Tuesday, June 23, 2009

ความละอาย...อยู่ที่ไหนหนอ: Where are you, ashamed?

เรื่องนึงที่รู้สึกอึดอัดมากมาย และยังไม่สามารถเข้าใจและยอมรับมันได้ก็คือความรับผิด รับชอบ ของคนสมัยนี้ ถ้าจะพูดให้ถูก คำว่าผิด ในยุคนี้มันมีความหมายอะไร หรือกับใครบ้างไหม

เรารู้สึกว่า คำว่าผิดจะมีความหมายต่อเมื่อ ถูกจับได้โดยคนที่มีอำนาจเหนือกว่า และอาจส่งผลเสียต่อคนที่ทำผิด

การทำผิด ทำความเลว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องละอายกันอีกต่อไป
สิ่งที่เห็นตลอดเวลาตอนนี้คือ คนที่ทำผิด ทำนิสัยไม่ดี ก็แค่เชิดหน้า ่ว่าชั้นไม่ได้ทำอะไร ว่าเรื่องแค่นี้เอง แล้วก็มองคนที่ตัวเองทำร้ายด้วยสายตาเหยียดหยาม เพิกเฉย ประหนึ่งว่า แกไม่มีสิทธิ์มาว่าชั้นที่ชั้นได้ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับแก... กลายเป็นคนที่ถูกทำร้าย ทำไม่ถูกไปซะอย่างนั้นเอง

จิตสำนึกของคนเรามันหายไปไหน นับวัน ยิ่่งรู้จักคนมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่า โลกนี้มันไม่น่าอยู่เอาซะเลย นักปรัชญาทั้งหลาย ศาสนาหลักๆทุกศาสนาที่พรำ่หาทางสอนให้คนในโลกนี้อยู่กันอย่างสันติ สงบสุข พยายามให้มนุษย์ ลด ละ ความโลภ ความเห็นแก่ตัว และความขี้เกียจ แต่ปัจจุบันกลายเป็นว่า ทุกคนเห็นคำสอน ความจริงเหล่านั้นเป็นแค่เรื่องในตำรา เป็นข้อเท็จจริง แต่ไม่สนใจ ไม่มีค่าอะไรให้ทำตาม

การประท้วง จะทำกันอย่างสันตินั้นไม่ได้อีกแล้ว เหตุผลคือไม่มีใครสนใจ นักประท้วงจึงต้องทำให้เหตุการณ์มันรุนแรงเข้าไว้ กระทบคนส่วนใหญ่ได้มากเท่าไรย่ิงดี โดยที่ไม่ได้คิด สำนึกเลยว่า ตัวเองเดือดร้อนยังไม่พอใจ จนลุกขึ้นมาประท้วงได้ แล้วชาวบ้านที่เดือดร้อนเพราะความรุนแรงที่พวกตนก่อขึ้น เค้าจะรู้สึกกันอย่างไร จะต้องให้เกิดการประท้วงซ้ำซ้อนหรือไม่

ฝ่ายนักปกครองเอง ก็ไม่ทำหน้าที่ให้ดี ให้ครอบคลุม ไม่ต้องถึงกับทำให้ทุกคนมีความสุข แต่เมื่อใดที่เกิดการประท้วง เกิดความไม่พอใจ นักปกครองเองก็ควรจะเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ผู้ที่เดือนร้อนรู้สึกว่าถูกมองข้าม ถูกละเลย หากนักปกครองดูแลให้ทั่วถึง คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าหน้าตา และสิ่งที่เกินพอดี เกินความจำเป็นสำหรับการเป็นคน นักประท้วงก็คงจะไม่ต้องลุกขึ้นมาก่อความรุนแรง หากเพียงนั่งหารือกัน แล้วปัญหาก็คลี่คลายได้ มีความพยายามร่วมกันได้

สิ่งที่ควรจะเป็นมันไม่เป็นไปอย่างนั้น เพราะคนไม่ยืดถึอความถูกต้อง และความจริงเป็นหลัก แต่กลับยึดถึอตัวเอง ตัวเงิน ตัวอำนาจ ตัวผลประโยชน์

ฉันคิดว่ามีคนมากมายที่คิดเพียงว่า ขอให้มีความสุข จะบนความทุกข์ใครก็ช่าง
ความละอาย...คำนี้ยังมีความหมายอีกไหมหนอ

No comments: