Thursday, August 23, 2007

โบ๊มี่ โบ๊ปี่ -- Grandma Grandpa (ตอนแรก)

ริ้วรอยบนใบหน้าของโบ๊มี่ และโบ๊ปี่ ไม่ได้สื่อถึงแค่ความแก่ชรา
แต่กลับเป็นเหมือนรอยจารึกที่บ่งบอกกาลเวลา ความสุข ชีวิต ความปรารถนาที่ผ่านมาชั่วเวลานึง...
หลังจากเข้านั่งในร้านอาหารจีนที่ ลาโฮเช็ต (Larochette) เราก็เริ่มพูดคุยด้วยเรื่องต่างๆ
ตั้งแต่เมนูอาหาร ภาษา สิ่งของรอบตัว เรื่องเรียน ไวน์ กาแฟ พื้นที่โล่งด้านนอก ไปจนถึงเรื่องแมว

โบ๊มี่จะสั่งเป็ดมากิน ถามเราว่ากินไหม ที่นี่อร่อยนะ เราก็ว่า
ซี. "อ่ะ ไม่กินคะ" (ด้วยภาษาอังกิด)
โบ๊มี่. "อ้าวทำไมล่ะ ที่นี่อร่อยนะ"
ซี. "เอ่อ ซีชอบมันคะ น่ารักดี ให้อาหารมันด้วย"
โบ๊มี่. หัวเราะกร๊าก
โบ๊มี่. "แต่ก่อนนะ ที่บ้านเรามีวัวสี่ห้าตัว ไว้รีดนม ไว้กินเนื้อ มีหมู มีไก่ มีเป็ด... เรากินมันทั้งนั้นแหละ"
ซี. "คะ ซีรู้ แต่ไม่ชินคะ ปกติอยู่แต่ในเมือง ให้อาหารมันตามพาร์ค จะกิน ก็ซื้อที่ตายแล้วคะ"
โบ๊มี่. "มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เราเลี้ยงมันก็เพื่อไว้กิน"

โบ๊มี่อายุมากกว่าเจ็ดสิบ แต่ทุกวันนี้แกกับโบ๊ปี่ ช่วยกันทำสวนเล็กๆหลังบ้าน
พื้นที่หลายไร่ ถูกแบ่งขายให้กับเพื่อนบ้านไปไม่น้อย รวมถึงให้เป็นที่สำหรับบ้านของลูกชายแกเอง
ด้วยเหตุว่าแกดูแลกันไม่ไหว
แต่ทุกวันนี้ โบ๊ปี่ก็ยังขับรถตัดหญ้า โบ๊มี่ก็ยังเข้าไปในแปลงผัก ปลูกสลัด ถั่ว มัน หอม ฟักทอง แตงกวา โอ้ยเยอะแยะ

โบ๊มี่. "ซีเข้าไปตัดผักในสวนได้เลยนะ ได้มากเท่าที่ซีต้องการเลย"
โบ๊ปี่. "เราไม่ได้ทำแปลงผักมากมายเพื่อเราแค่สองคน (หมายถึงแค่โบ๊ปี่ และโบ๊มี่) แต่เราทำเผื่อทั้งครอบครัว แต่ครอบครัวก็ไม่ค่อยมากันเท่าไร"

น้ำเสียงเศร้าๆไปหน่อยนึงของโบ๊ปี่ทำเอาเราใจหาย ปกติโบ๊ปี่เป็นคนตลก ออกไปทางกวนตีนก็ว่าได้ ชอบถามคำถามยียวน แกล้งๆๆ
อดีตโบ๊ปี่ทำงานในหน่วยงานราชการด้านกฎหมายภาษี อาจจะเป็นเหตุนี้ ทุกวันนี้โบ๊ปี่ยังคงแต่งตัวดี บางครั้งเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวสามรอบได้ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์

บ้านเกิดของโบ๊ปี่อยู่ทางใต้ ที่เมืองดิฟเฟอดองจ์ (Differdange) ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรม
ในอดีตอุตสาหกรรมเหล็กเจริญรุ่งเรืองยิ่งยวดในลักเซมเบิร์ก และแหล่งแร่ และโรงงานอุตฯที่สำคัญก็อยู่ที่ดิฟเฟอดองจ์

โบ๊มี่. "ครั้งแรกที่เค้ามาที่นี่ (ฮ้อยหลั่น (Reuland)) เค้าไม่อยากกลับไปเลย เค้ามากับเพื่อน ซึ่งเป็นเพื่อนของฉันอีกที"
โบ๊ปี่. "แต่ก็ยังมีญาติๆอยู่ที่นั่น ซีเคยไปหรือยัง"
ซี. "ไปมาสองครั้งแล้วคะ"
โบ๊มี่. "ทุกปีเราจะไปเยี่ยมญาติๆ ไปด้วยกันไหม"
ซี. "ไปคะๆๆๆๆๆ"

ออกจากร้านอาหารจีน เราตรงกลับบ้านโบ๊มี่ โบ๊ปี่
โบ๊มี่. "วันนี้น้องสาวของโบ๊ปี่จะมาหาเรา ยังไงอยู่ทักทายกันก่อนแล้วกันนะ"

แต่ก่อนบ้านของโบ๊มี่ทำด้วยหิน เอามาวางต่อๆกัน แล้วอัดช่องว่างด้วยทราย ตามวิศวกรรมสมัยก่อน (นานมาก)
เดี๋ยวนี้ถูกทำให้แข็งแรงขึ้นแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ หินยังอยู่เหมือนเดิม
หินทำให้เก็บความเย็น แต่ก็ต้านลม เพราะฉะนั้น เข้าบ้านโบ๊มี่ทีไร ก็จะรู้สึกเย้นนนนน เย็น เหมือนเปิดแอร์ไว้ทั้งวันทุกที

3 comments:

Enjay said...

หึหึหึ เอ๊กตร้า
คราวนี้ผมมาก่อนคุณแล้วนะ ฮุฮุ

(ยังไม่ได้อ่าน blog เลย มาวว)

Extremelz said...

...-__- ทำไปได้ NJ

โบ๊มี่ โบ๊ปี่ น่ารักดีนะ อยากไปนั่งคุยด้วยจังครับ
ท่าทางจะสนุก
ฟังว่าแกทำเสียงเหงาๆ แล้วจี๊ดเลยอ่ะ -__- เห้อ

ว่าแต่... โบ๊มี่ โบ๊ปี่ ของใครล่ะนั่น 555

Anonymous said...

คุยกันน่ารัก อบอุ่นดีเนอะ... ช้านเข้ามาแล้วนะ ยั้ยแมวหง่าววววว....(เหมียว... เหมียว)

คิดถึงนะเฟ้ย...